เกร็ดความรู้

ค่า PH ในดิน สำคัญมากต่อการปลูกแตงโม โดยพื้นที่สำหรับปลูกแตงโมต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยปลูกแตงโมมาก่อน และเป็นพื้นที่ที่ไม่ชื้นแฉะ เพราะแตงโมไม่ชอบพื้นที่น้ำแฉะแต่ก็ขาดน้ำไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นต้องเป็นดินร่วนปนทราย และหากปลูกในพื้นที่เดิมก็จำเป็นต้องเติมสารอาหารไนโตรเจนในดิน ด้วยการปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบก่อนปลูกซ้ำบนที่ดินเดิม ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปลูกแตงโมมากที่สุด คือในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน ช่วงที่ปลูกได้ดีที่สุด คือ เดือนเมษายนจะใช้เวลา 55 – 75 วัน ก็สามารถเก็บผลกินได้แล้ว แตงโมมีอยู่หลายสายพันธุ์โดยแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะเฉพาะและมีความแตกต่างกัน ดังนี้แตงโมพันธุ์จินตหรา ลักษณะผิวลายสีขาว ผลโต เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ผลกลมมีน้ำหนัก 4-6 กิโลกรัมแตงโมพันธุ์กินรี ลักษณะลายดำ แถบดำ ผลโต เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ผลกลมมีน้ำหนัก 4-6 กิโลกรัมแตงโมพันธุ์ตอปิโด ลักษณะเปลือกแตงโมจะทนต่อการขนย้าย ผิวลายเกือบดำ ผลเรียวยาว แตงโมพันธุ์ซอนย่า ลักษณะผลกลม ผิวแถบสีเขียวเข้ม เปลือกแข็ง เนื้อสีแดง  

วิธีช่วยให้เมล็ดแตงโมงอกเร็วขึ้น

สําหรับผู้ที่หยอดเมล็ดแตงโมในฤดูหนาว มักจะพบว่าแตงโมงอกช้า หรือไม่งอกเลย ทั้งนี้เพราะ ว่า ถ้าอุณหภูมิในดินปลูกตํ่ากว่า 15.5 องศาเซลเซียส เมล็ดแตงโมจะไม่งอกโดยธรรมชาติฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหาเมล็ดไม่งอกในฤดูหนาว ควรทำหุ้มเมล็ดโดยแช่เมล็ดแตงโมในนํ้าอุ่นๆ ในบ้าน จะช่วย ทําให้เมล็ดแตงโมงอก ได้เร็วขึ้น และงอกได้อย่างสมํ่าเสมอ เมื่อรากเริ่มโผล่ออกมาจากเมล็ด ก็เอาไป เพาะในถุงหรือกระทงใบตองได้รอจนกล้ามีใบจริงแล้ว 2-3 ใบ จึงนําลงปลูก หรืออีกวิธีที่ช่วยทุ่นแรง ก็อาจนําเมล็ดที่งอกนั้นไปปลูกในแปลงได้เลย โดยหยอดลงในหลุมแบบเดียวกับหยอดเมล็ดที่ยังไม่งอก แต่ต้องให้นํ้าในหลุมที่จะหยอดล่วงหน้าไว้ 1 วัน เพื่อให้ดินในหลุมชื้น พอเหมาะ หยอดเมล็ดที่งอกแล้วกลบดินทับหน้าไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วรดนํ้า ต้นแตงโมจะขึ้นมาสมํ่าเสมอทั่วกันทั้งแปลง

สารอาหารที่อยู่ในแตงโมมีอะไรบ้าง?

ผลไม้หน้าร้อนที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นที่ทานเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น ซึ่งสารอาหารในแตงโมนี้มีมากมายจนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียวเพราะแค่ทานในปริมาณ 1 ถ้วยต่อวัน ก็สามารถทำให้เราได้รับสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างเต็มเปี่ยม ดังนี้ พลังงาน 46 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม ไฟเบอร์ 6 กรัม แคลเซียม 8 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 9 แมกนีเซียม 4 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 172 มิลลิกรัม วิตามินซี 5 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปีน โคลีน ที่อยู่ในแตงโม และเข้าไปช่วยปรับความสมดุล บรรเทาอาการโรคต่างๆ ช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ความเสี่ยงของการรับประทานแตงโมมากเกินควร

การรับประทานแตงโมที่พอดีควรทานอยู่ในปริมาณ 1 ถ้วยต่อวัน หรือในปริมาณ 154 กรัม จึงจะพ้นจากความเสี่ยง และไม่มีอันตรายใดๆ ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน และโรคภูมิแพ้ ที่ส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นโรคลมพิษ และระบบทางเดินหายใจมีปัญหา หรือหายใจลำบาก ดังนั้นคุณจึงควรรับประทานแต่พอเหมาะ และถ้าหากมีอาการแพ้ หรือสัญญาณอาการแทรกซ้อนรุนแรงผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ ลิ้น และลำคอบวม ควรเข้ารับการปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใกล้บ้านคุณทันที

ประโยชน์ของ แตงโม

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (The National Cancer Institute (NCI) พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในแตงโมช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่อาจก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ พร้อมทั้งมีไลโคปีนที่ยับยั้งความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกเช่นกัน บำรุงสมอง และระบบประสาท การรับประทานแตงโมที่เพียงพอต่อวันเป็นประจำ อาจช่วยให้คุณมีความจำที่ดีขึ้น มีการพัฒนาของสมองด้านการเรียนรู้ และยังรักษาโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ จากโคลีนที่เป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในแตงโม แต่ถึงอย่างไรยังไม่มีหลักฐานเพียงพอถึงการรับประทานแตงโมเพื่อชะลอการลุกลามของโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ด้วยแตงโมเป็นผลไม่ที่มีน้ำเยอะถึง 90% จึงทำให้ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายมาหนักๆ ได้ ในการศึกษาปี 2017 ได้ทดสอบให้นักกีฬาดื่มน้ำผลไม้ก่อนการแข่งขัน 2 ชั่วโมง โดยผู้ดื่มรายงานว่า อาการปวดกล้ามเนื้อนั้นบรรเทาลง และดีขึ้นกว่าเดิม เพิ่มประสิทธิภาพด้านการมองเห็น ไลโคปีนที่ถูกค้นพบอยู่ในผลแตงโม มีส่วนช่วยให้ดวงตาของเรามีการทำงานที่ดี ลดการอักเสบ และป้องกันการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาตามการใช้งาน หรือช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ตาของคุณบอดได้ บำรุงผิว และเส้นผม วิตามินเอ วิตามินซี ที่อยู่ในแตงโม มีความสามารถในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นโปรตีนส่งเสริมให้เส้นผมของคุณดูสุขภาพดีแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย และเพิ่มความอ่อนนุ่มให้แก่ผิวของคุณดูชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ไม่แห้งกร้าน หรือแตกเป็นขุย จนทำให้คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใ

thThai