เพิร์ลเมล่อน เนื้อสีส้ม (Orange Pearl Melon) เป็นสายพันธุ์ F1 มีความหวานหอมเป็นเอกลักษณ์สไตล์ญี่ปุ่น เนื้อเนียนแน่น ไม่เละง่าย ผลใหญ่ ให้ผลผลิตดี เนื้อสีส้ม ผิวสีเขียวอ่อน ลายตาข่ายหนาสีเทา ความหวานเฉลี่ย 13-15 บริกซ์ เพิร์ลเมล่อน เนื้อสีเขียว (Green Pearl Melon) เป็นสายพันธุ์ F1 จัดอยู่ในกลุ่มเอิร์ลสเมล่อน (Earls melon) มีความหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหลังเก็บเกี่ยวแล้ว เมื่อรอให้ลืมต้นจะยิ่งหอมมากและหวานฉ่ำ เนื้อเนียนละเอียด ผลใหญ่ ให้ผลผลิตดี ผลเก็บได้นาน เนื้อสีเขียว ผิวสีเขียวอ่อน ลายตาข่ายหนาสีเทา ความหวานเฉลี่ย 13-15 บริกซ์
หมวดหมู่: เมล่อน
ประโยชน์ของ เมล่อน
ประโยชน์ของเจ้าเมลอนลูกนี้มีอะไรบ้าง เมลอนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง มีทั้งวิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก วิตามินเหล่านี้ช่วยยับยั้งและป้องกันอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ชะลอความแก่และการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุผิวหมองคล้ำ ผิวแข็งแรงทนต่อแสงแดด ที่สำคัญยังไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล คุณแม่บ้านที่ต้องการลดน้ำหนัก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย แถมในน้ำเมลอนยังมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า superoxide dismutase ซึ่งมีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ และลดกระบวนการทางเคมีภายในร่างกายสามารถลดระดับความเครียดได้ รวมทั้งมีกระบวนการรับรู้ที่ดีขึ้น มีสมาธิ สามารถปรับพฤติกรรม ลดอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย ได้อีก
เกร็ดความรู้
อีสาน ปลูกเมล่อนได้ดีหลายคนอาจสงสัยว่า ภาคอีสาน ที่ได้ชื่อว่าแห้งแล้งนั้น จะปลูกเมล่อนได้หรือไม่นั้น ประเด็นนี้ขอแจกแจงว่า เมล่อนต้องการน้ำในวันเพียง 1 ลิตร ต่อต้น และเหมือนพืชผักอื่นๆ คือต้องการน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติดีที่สุด และทางสวนก็มีบ่อปลาขนาดใหญ่อยู่ 10 บ่อ และติดแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดทั้งปี“คนส่วนใหญ่คิดว่า อีสานแล้ง ไม่มีน้ำ จะปลูกเมล่อนได้หรือ คำตอบคือ ภาคอีสานปลูกเมล่อนได้ดีและมีคุณภาพเพราะ เมล่อน เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำเยอะเมล่อนชอบแดด ทนร้อนได้ดี และจะมีรสชาติที่หวานมากหากช่วงที่เก็บเกี่ยวขาดน้ำ”
เทคนิคผสมเกสร
ทั้งนี้ เมื่อเพาะเมล็ดพันธุ์ครบจำนวนวันแล้ว ก็นำมาลงปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ ส่วนช่วงผสมเกสร เมื่อปลูกลงดินครบ 22-24 วัน ให้ผสมเกสรได้เลย และหลังผสมเกสรครบ 35-45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ อย่างที่คุณจันทร์จีราบอกไปแล้วว่า เมล่อน เป็นพืชที่อ่อนแอ ฉะนั้น ในแต่ละฤดูกาลจึงต้องดูแลเอาใจใส่ค่อนข้างเยอะ เช่น ในหน้าร้อน จะเจอปัญหาเพลี้ยไฟ โรคยืนต้นตาย เนื่องจากอากาศร้อนจัด หน้าฝน จะเป็นโรคเน่าคอดิน ลูกแตก เนื่องจากน้ำเยอะ ความชื้นเยอะ ขณะที่หน้าหนาวมักพบโรคราต่างๆ เพาะเมล็ดยาก โตช้า เนื่องจากอากาศหนาว
การปลูกเมล่อน
เตรียมเบี้ยเพาะเมล็ดพันธุ์ โดยแช่เมล็ดในน้ำอุ่น 70 องศาเซลเซียส 1 ชั่วโมง ห่อด้วยผ้าขาวเก็บไว้ในที่มิดชิด 24 ชั่วโมง และนำเมล็ดที่เตรียมเพาะลงถาดเพาะที่มีสารอาหารครบถ้วนสำหรับเมล็ดพันธุ์ เพาะไว้เป็นเวลา 12-14 วัน เตรียมโรงเรือน ต้องเป็นโรงเรือนแบบปิดเพื่อป้องกันเชื้อโรคและแมลงที่จะทำลายผลผลิตได้ การเตรียมดิน ต้องตีดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยหมัก สารปรับปรุงดิน เพื่อที่จะให้เมล่อนได้รับสารอาหารที่เพียงพอตั้งแต่แรก เตรียมแปลงเป็นแนว และปูพลาสติกคลุมดิน