การป้องกันกำจัดโรคและแมลง

1. โรคเหี่ยว สาเหตุเกิดจากเชื้อราฟูราเซี่ยนที่อยู่ในดิน เข้าทำลายลำต้น ทำให้ลำต้นแตก เน่าที่โคนต้นหรือตามซอกใบ มีเชื้อราสีขาวๆ ติดอยู่ตามรอยแผล บริเวณใยและเส้นใบจะมีสีเหลือง ต้นจะเหี่ยวและตายไป วิธีป้องกันกำจัดคือ ถ้าเกิดระบาดอย่างรุนแรงไม่มีวิธีรักษาให้หาย นอกจากจะขุดต้นไปเผาทำลายให้หมด แต่ถ้าเกิดน้อยๆ หรือเกิดระยะเริ่มต้นให้ใช้ยาพวกไดเทนเอม 45 หรือแคปเทน อย่างเข้มข้น ป้ายที่แผลจะทำให้หายขาดได้ 2. โรคเน่าคอดิน สาเหตุเกิดจากพื้นดินมีความชื้นสูงหรือแฉะ เพราะให้น้ำมากเกินไป และได้รับแสงแดดน้อยเกินไป หรือเป็นเพราะให้ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป ทำให้ที่โคนต้นมีรอยคล้ายรอยช้ำ และเน่าบริเวณคอดิน วิธีป้องกันกำจัดคือ ใช้ยาแคปแทนเอ็ม 45 หรือเบมเลทฉีดพ่นต้นกล้า สัปดาห์ละ 1 ครั้งจนกว่าจะหาย 3. โรคแอนแทรกโนต สาเหตุเกิดจากเชื้อราเข้าทำลายเมื่อผลมีความชื้นมาก ลักษณะอาการที่พบจะเป็นจุดฉ่ำน้ำเล็กๆ ที่ผิวแล้วขยายใหญ่ลึกลงไปทำให้ผลเสียหาย วิธีการป้องกันกำจัดคือ อย่าปล่อยให้ผลของแคนตาลูปชื้น 4. โรคราน้ำค้าง สาเหตุเกิดจากเชื้อราเข้าทำลายทางใบ ลักษณะอาหารที่พบจะเป็นจุดสีเหลืองหรือสีน้ำตาลขนาดเล็ก และค่อยขยายเป็นวงใหญ่จนเต็มใบ เราจะสังเกตเห็นสปอร์สีดำที่รอยแผลในตอนเช้าๆ โดยมากจะทำให้ใบเหี่ยวและแห้งตายไป วิธีป้องกันกำจัดคือ ให้ใช้ยาออร์โธไซด์ หรือไดแทนเอ็ม 45 หรือเบนเลท หรือคาโคนิล ฉีดพ่นสลับกันไปเพื่อป้องกันและกำจัดให้หมดไป 5. เพลี้ยไฟ สาเหตุเกิดจากเพลี้ยไฟเข้าดูดกินน้ำเลี้ยงที่ยอด ลักษณะอาการที่พบคือ ต้นจะชะงักการเจริญเติบโต ยอดหงิกงอ ผิวของผลแคนตาลูปมีตำหนิไม่สวยงาม วิธีป้องกันกำจัดคือ ให้ใช้ยาอโซลดรินหรือทาราโซนฉีดพ่นสลับกับยาแลนเพทในขณะที่อากาศไม่ร้อนจัดทุกๆ 3 […]

การเพาะปลูก

การปลูกด้วยต้นกล้า เมื่อเราเตรียมดิน กะระยะปลูก และขุดหลุมปลูกไว้แล้ว เพื่อป้องกันไส้เดือนฝอยจะเข้าทำลายรากของพืชที่เราปลูก ก่อนที่จะนำต้นกล้าลงปลูกในหลุมควรใช้ยาฟูราดานหรือใส่ลงไปในก้นหลุมก่อน หลุมละประมาณ 1 กำมือหรือใช้สตาร์เกิล จีรองก้นหลุมอัตรา 2 กรัมต่อหลุมปลูก คลุกเคล้าให้เข้ากับดินในหลุมปลูก แล้วนำถุงต้นกล้าที่เพาะไว้ได้ขนาดแล้ว มากรีดถุงพลาสติกและดึงออกให้เหลือแต่เบ้าดินที่ห่อหุ้มรากลงปลูกในหลุม กลบดินรอบๆ ให้มิดเบ้าดิน แล้วกดดินให้แน่น เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่ม การปลูกแคนตาลูปด้วยต้นกล้า ควรปลูกในตอนเย็นๆ หรือในวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เพื่อกล้าแคนตาลูปจะได้ไม่เหี่ยวเฉาและหยุดการเจริญเติบโต การปลูกด้วยติ้งบ่องบ่วย ให้คัดเลือกเอาเฉพาะเมล็ดที่สมบูรณ์และเต็มเต่งเท่านั้น หยอดลงไปในหลุมปลูกที่เราได้เตรียมไว้หลุมละ 3 – 4 เมล็ด กลบดินให้มิดเมล็ด นำหญ้าแห้ง ฟาง ใบไม้ผุๆ หรือแกลบ อย่างใดอย่างหนึ่ง คลุมหลุมที่หยอดเมล็ดไว้ รดน้ำให้ชุ่มเช้า – เย็นทุกวัน เมื่อเห็นว่าเมล็ดที่เราเพาะไว้งอกขึ้นมามีใบประมาณ 3 – 5 ใบ ให้ถอนต้นที่เล็กทั้งไปเหลือไว้เฉพาะต้นที่ใหญ่และแข็งแรง หลุมละ 2 ต้น เท่านั้น

หน้าแรก

 มีลักษณะคล้าย ๆ แตงไทย คนไทยจึงเรียกว่า แตงเทศ หรือแตงฝรั่ง หรือแตงไทยฝรั่ง มีผลกลม ผิวของผลสีเขียว หรือสีน้ำตาลคล้ำ หรือสีเหลือง หรือสีขาว ทั้งนี้แล้วแต่พันธุ์ ผิวของผลหยาบ มีเปลือกแข็ง มีร่องลึกรอบ ๆ ผล เปลือกมีลายคล้ายร่างแหหรือตาข่ายสีขาว หรือสีฟางแห้งคลุมตลอดทั้งผล แต่บางพันธุ์ก็ไม่มี บางพันธุ์มีผิวเรียบ ๆ เมื่อสุกเนื้อในมีสีส้ม หรือสีจำปา มีกลิ่นหอม รสหวาน

พันธุ์ที่นิยมปลูก

พันธุ์สโมร์ชาร์ม ลักษณะทั่วไปคือ มีผลกลมคล้ายลูกโลก ผิวของผลมีสีเหลืองครีม เกลี้ยง เนื้อสีสัมอ่อน หรือสีชมพู เนื้อหนากรอบ และอ่อนนุ่ม แต่ละผลมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม เจริญเติบโตได้ดีแม้ในที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น พันธุ์ซันเลดี้ มีผลกลมรีรูปไข่ เปลือกมีผิวเกลี้ยง สีขาวครีม เนื้อหนาสีส้ม นุ่ม มีน้ำมาก รสหวานจัดและมีกลิ่นหอม ติดผลมาก แต่มีอายุสั้น ปลูกง่าย พันธุ์ซันไรท์ เป็นแตงพันธุ์เบา มีผลดก ผลมีสีเหลืองอ่อน มีลายเป็นตาข่ายทั้งผล เนื้อในมีสีส้มอ่อนๆ เนื้อนุ่ม มีน้ำมาก มีกลิ่นหอม ติดผลมาก แต่มีอายุสั้น ปลูกง่าย พันธุ์ซูก้าบอลล์ ลักษณะของต้นกะทัดรัด ปลูกระยะถี่ได้ ผลมีผิวเรียบ สีครีมหรือเกือบขาว เนื้อหนา สีหยกเขียว หวานจัด รสชาติดี ขนาดของผลปานกลาง มีน้ำหนักประมาณ 800 กรัมต่อผล ทนทานต่อความร้อนได้ดี พันธุ์มิลกี้เวย์ มีลำต้นแข็งแรง ปลูกง่าย ผลดก ผลมีสีเขียวโปร่งแสง ผลโตขึ้นเปลี่ยนเป็นสีขาวครีม เนื้อหนา กลิ่นหอมแรง มีปริมาณน้ำตาลสูง ผลใหญ่ […]

thThai